ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่  3  เป็นต้นมา  ชาวอินเดียทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้  เริ่มถูกคุกคามจากพวกอารยัน  จึงทำให้นักเดินเรือแสวงโชค  พ่อค้าและพราหมณ์  เดินเรือเลียบชายฝั่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานขุดหาแร่ดีบุกในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตก   ตั้งแต่เกาะภูเก็ตขึ้นไปจนถึงปากจั่น ในจังหวัดระนอง  โดยใช้เมืองตะโกลาเป็นเมืองท่าและศูนย์กลาง

             ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่  3  เป็นต้นมา  ชาวอินเดียทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้  เริ่มถูกคุกคามจากพวกอารยัน  จึงทำให้นักเดินเรือแสวงโชค  พ่อค้าและพราหมณ์  เดินเรือเลียบชายฝั่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานขุดหาแร่ดีบุกในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตก   ตั้งแต่เกาะภูเก็ตขึ้นไปจนถึงปากจั่น ในจังหวัดระนอง  โดยใช้เมืองตะโกลาเป็นเมืองท่าและศูนย์กลาง

             ใน พ.ศ. 270  พระเจ้าอโศกมหาราช  กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย  ได้ยกกองทัพเข้าโจมตีชาวอินเดียในแคว้นกลิงค  (กลิงคราฐ)  และแคว้นใกล้เคียง   ทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้อีก  (ชาวอินเดีย พวกดราวิเดียน  (Dravidians) ใช้ภาษาทมิฬ)  จึงทำให้เกิดการอพยพหนีภัยสงครามครั้งยิ่งใหญ่   ชาวอินเดียเหล่านี้ไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ หลายแห่งในคาบสมุทรมลายู   รวมทั้งที่ตะกั่วป่าด้วย  โดยสมทบกับชาวอินเดียที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้วกลายเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น ชุมชนแห่งนี้คือ “เมืองตะโกลา” นั่นเอง  มีหลักฐานที่กล่าวถึงเมืองตะโกลาอยู่หลายแห่งที่น่าสนใจ  เช่น

 

             –    คัมภีร์มิลินทปัญหา  เขียนโดยพระปิฎกจุฬาภัยเถระ ในราว พ.ศ. 500 เป็นภาษาบาลี เป็นเอกสารชิ้นแรกที่ กล่าวถึงคำว่า  ตะโกลัง  แปลว่า กระวาน

             –    คัมภีร์มหานิทเทสติสสเมตยยสูตร   เขียนในราวพุทธศตวรรษที่ 7  เป็นภาษาบาลี กล่าวถึง ”เมืองท่าตักโกลัง”   ว่าชาวอินเดียได้ไปตั้งเมืองท่า  และศูนย์กลางการค้าขายใหญ่โต เป็นตลาดการค้าเครื่องเทศด้วย

             –    จดหมายเหตุภูมิศาสตร์ปโตเลมี   ของคลอดิอัส ปโตเลมี  (Claudius Ptolemy) นักภูมิศาสตร์ชาวกรีก  เขียนขึ้นในราว พ.ศ.  693 หรือ 708  ตามคำบอกเล่าของพ่อค้าที่เดินทางมาค้าขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   กล่าวถึงเมือง “ตะโกลา”  (Takola)  ว่าเป็นเมืองท่าตั้งอยู่ปากแม่น้ำ  พร้อมทั้งระบุแลตติจูด ลองจิจูดไว้ด้วย

             –    ศิลาจารึกที่เมืองตันชอร์  (Tonser)   ประเทศอินเดีย  ของพระเจ้าราเชนทร์โจฬะที่ 1  (Rachendra Tonser I   พ.ศ.1555-1584)  บันทึกในราว พ.ศ. 1573-1574  หลังจากได้ทำสงครามชัยชนะเมืองต่าง ๆ ในคาบสมุทรมลายูแล้ว  เรียกว่า  “ตะไลต์ตักโกลัม”  (Talaittkolum)  เชื่อว่าเป็นเมืองเดียวกับ “ตะโกลา”   ของปโตเลมี

             –    จดหมายเหตุอาหรับ  เขียนในพุทธศตวรรษที่  14  เรียกว่า  กาลาห์   (Kalah)

             –    เอกสารจดหมายเหตุจีนเรียก  ติว กู ลิ หรือ โก กู โล  ในสมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ และอาณาจักรศรีวิชัย

            

             นักปราชญ์ทางด้านโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ หลายท่านเชื่อว่าชุมชนตะกั่วป่าโบราณ คือ เมืองท่าตะโกลา  ที่กล่าวถึงในเอกสารหลักฐานต่าง ๆ  ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณบ้านทุ่งตึกและปลายคลองเหมืองทอง  หมู่ที่  3  ตำบลเกาะคอเขา  อำเภอตะกั่วป่า  จังหวัดพังงานั่นเอง  

             เกาะคอเขา  เป็นเกาะขนาดย่อม  ตั้งอยู่ในตำบลเกาะคอเขา  อำเภอตะกั่วป่า  จังหวัดพังงา  ตรงปากแม่น้ำตะกั่วป่าและแม่น้ำนางย่อน   มีความกว้างประมาณ   5  กิโลเมตร    ยาวประมาณ  15 กิโลเมตร  ตั้งขวางปากแม่น้ำอยู่ในแนวทิศเหนือ – ใต้    ทางตะวันออกของเกาะเป็นป่าชายเลนและเกาะน้อยใหญ่หลายสิบเกาะ ทางตะวันตกเป็นทะเลอันดามัน  พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลานทราย  มีเนินเขาบ้างทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ   เรือเดินทะเลสามารถเข้าออกจอดหลบคลื่นลมได้ดีทั้งทางเหนือและใต้ของเกาะ   สำหรับบ้านทุ่งตึกและปลายคลองเหมืองทองนั้นตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ  ที่เชื่อกันว่าเป็น  “เมืองท่าตะโกลา”  กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถาน    โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม  52   ตอนที่  75  วันที่  8    เดือนมีนาคม  พ.ศ. 2478