ในราวพุทธศตวรรษที่  13  แว่นแคว้นในคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะทั้งหมด  ได้รวมเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน  รู้จักกันในชื่อ “อาณาจักรศรีวิชัย”    อาณาจักรศรีวิชัยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ใดยังไม่มีข้อยุติ  แต่เชื่อว่าคงจะอยู่บริเวณเมืองไชยา  เพราะมีหลักฐานศิลปสมัยศรีวิชัยปรากฏอยู่ค่อนข้างชัดเจน  แต่นักโบราณคดีบางท่านเห็นว่าศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัยอยู่เมืองปาเลมบัง ในเกาะสุมาตรา   อย่างไรก็ตามอาณาจักรศรีวิชัย  เป็นอาณาจักรที่มีอำนาจทางด้าน

        ในราวพุทธศตวรรษที่  13  แว่นแคว้นในคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะทั้งหมด  ได้รวมเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน  รู้จักกันในชื่อ “อาณาจักรศรีวิชัย”    อาณาจักรศรีวิชัยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ใดยังไม่มีข้อยุติ  แต่เชื่อว่าคงจะอยู่บริเวณเมืองไชยา  เพราะมีหลักฐานศิลปสมัยศรีวิชัยปรากฏอยู่ค่อนข้างชัดเจน  แต่นักโบราณคดีบางท่านเห็นว่าศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัยอยู่เมืองปาเลมบัง ในเกาะสุมาตรา   อย่างไรก็ตามอาณาจักรศรีวิชัย  เป็นอาณาจักรที่มีอำนาจทางด้านการเมืองและการปกครองที่มั่นคง  มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตครอบคลุมหมู่เกาะต่าง ๆ และคาบสมุทรมลายูทางตอนใต้ถึงเมืองไชยา  ศรีวิชัย คงเป็นคนกลางในทางการค้า     โดยทำหน้าที่ดูแลควบคุมการขนถ่ายสินค้า  จัดการเดินเรือเสียใหม่ให้ผ่านช่องแคบมะละกา  เชื่อมโยงเส้นทางการเดินเรือจากมหาสมุทรอินเดีย (ทางตะวันตก)  กับทะเลจีน (ทางตะวันออก)    เส้นทางเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกามีความสะดวกมากกว่าการขนถ่านสินค้าข้ามคาบสมุทร   ผลการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าครั้งนี้  ทำให้คนกลางศรีวิชัย  มีความมั่งคั่งมากขึ้น  เป็นการผูกขาดการค้าทางทะเล  จนกระทั่งกลายเป็นมหาอำนาจทางทะเลในแถบนี้   เมืองตะโกลาสมัยนั้นเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่งในความควบคุมดูแลของศรีวิชัย  โดยทำหน้าที่เป็นเมืองพักเรือ สินค้าและศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้า  ก่อนที่จะส่งไปยังตะวันออกคือจีน  โดยผ่านช่องแคบมะละกา  หรือส่งต่อไปยังตะวันตกคือ  อินเดีย  อาหรับ  เป็นต้น

       ในราวพุทธศตวรรษที่  16  พวกทมิฬโจฬะในอินเดียตอนใต้  เริ่มมีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางการค้ากับศรีวิชัย  จึงส่งกองทัพเข้าโจมตีดินแดนต่าง ๆ ของศรีวิชัยในคาบสมุทรมลายู  และสามารถเข้าครอบครองอำนาจแทนศรีวิชัยไว้ทั้งหมด ตามหลักฐานในศิลาจารึกของพระเจ้าราเชนทร์โจฬะที่ 1   ดังกล่าวมาแล้ว     เมืองตะโกลาถูกกองทัพของพระเจ้าราเชนทร์เข้าโจมตีในราว พ.ศ. 1568  ทำให้ผู้คนในเมืองอพยพหนีภัยทิ้งเมืองจนกลายเป็นเมืองร้างในสมัยนี้เอง