การตั้งหลักแหล่งของบรรพบุรุษในภาคใต้
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณคาบสมุทรมลายูเล็กน้อย  เพื่อจะได้ทราบถึงพัฒนาการของมนุษย์เป็นพื้นฐาน   ก่อนที่จะถึงเรื่องราวของเมืองตะกั่วป่า    หลักฐานทางโบราณคดีบนคาบสมุทรแห่งนี้    พอจะบอกเราได้อย่างกว้าง ๆ ว่า  มนุษย์ในบริเวณคาบสมุทรมลายู   มีชีวิตเร่ร่อนอยู่แล้ว ไม่ต่ำกว่า  5,000 ปีมาแล้ว  ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในถ้ำและเพิงผา  โดยมีการพบเครื่องมือ เครื่องใช้และหลักฐานของมนุษย์สมัยหินอยู่ทั่วไป  เช่น  ขวานหิน  ภาชนะดินเผา  ภาพเขียนสีตามผนังถ้ำ
การตั้งหลักแหล่งของบรรพบุรุษในภาคใต้
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณคาบสมุทรมลายูเล็กน้อย  เพื่อจะได้ทราบถึงพัฒนาการของมนุษย์เป็นพื้นฐาน   ก่อนที่จะถึงเรื่องราวของเมืองตะกั่วป่า    หลักฐานทางโบราณคดีบนคาบสมุทรแห่งนี้    พอจะบอกเราได้อย่างกว้าง ๆ ว่า  มนุษย์ในบริเวณคาบสมุทรมลายู   มีชีวิตเร่ร่อนอยู่แล้ว ไม่ต่ำกว่า  5,000 ปีมาแล้ว  ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในถ้ำและเพิงผา  โดยมีการพบเครื่องมือ เครื่องใช้และหลักฐานของมนุษย์สมัยหินอยู่ทั่วไป  เช่น  ขวานหิน  ภาชนะดินเผา  ภาพเขียนสีตามผนังถ้ำ
ครั้นถึงสมัยโลหะ  จนกระทั่งถึงสมัยต้น ๆ ของสมัยประวัติศาสตร์  เป็นสมัยที่มนุษย์เริ่มมีการตั้งหลักแหล่งถาวร   รวมกันอยู่เป็นชุมชน   ในกรณีนี้ลักษณะและสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์  เช่นลักษณะพื้นที่  ความอุดมสมบูรณ์   เรื่องของลมฟ้าอากาศ  มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มากทีเดียว  เพราะมนุษย์ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยในการผลิตอาหาร   ในกรณีของภาคใต้ต้องแบ่งลักษณะสภาพแวดล้อมเหล่านี้ออกเป็น  2  ส่วน   คือ  ชายฝั่งทะเลตะวันออก   มีที่ราบกว้างขวาง  พื้นดินอุดมสมบูรณ์  คลื่นลมไม่ค่อยรุนแรง   เหมาะแก่การเพาะปลูก  จึงเป็นปัจจัยให้ผู้คนจากแหล่งต่าง ๆ  เคลื่อนย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรเป็นจำนวนมาก  สามารถพัฒนาเป็นชุมชนและเมืองใหญ่ในโอกาสต่อมา    ส่วนชายฝั่งทะเลตะวันตก   มีชายฝั่งที่เว้า ๆ แหว่ง ๆ  สูงชันจากการยุบตัวของเปลือกโลก  คลื่นลมมีความรุนแรง  มีอ่าวกำบังคลื่นลมได้ไม่กี่แห่ง   แม่น้ำสายสั้น ๆ  มีค่อยมีที่ราบ  พื้นที่ขาดความอุดมสมบูรณ์และไม่เหมาะกับการเพาะปลูก    สภาพชายฝั่งทะเลตะวันตกจึงไม่เอื้อต่อการตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งถาวร  ดังนั้นในสมัยโลหะจึงมีมนุษย์ตั้งถิ่นฐานอยู่น้อย
อย่างไรก็ตาม  ชายฝั่งทะเลตะวันตกก็มีปัจจัยบางประการที่เกื้อหนุนให้มนุษย์เข้าไปตั้งถิ่นฐานในสมัยประวัติศาสตร์ คือ
–	ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์  เช่น ป่าไม้  แร่ธาตุ  โดยเฉพาะแร่ดีบุก
–	ทิศทางลมที่สามารถแล่นเรือติดต่อกับดินแดนที่มีความเจริญทางตะวันตกได้ดี เช่น  อินเดีย  ลังกา  อาหรับ เป็นต้น
ด้วยปัจจัยเหล่านี้  ทำให้นักผจญภัย  พ่อค้า หรือผู้อพยพลี้ภัย  เข้ามาตั้งหลักแหล่งเพื่อเป็นจุด  พักสินค้า  เติมน้ำและเสบียง  รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางลัดข้ามคาบสมุทรไปยังฝั่งทะเลตะวันออก
ตะกั่วป่าสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ในบริเวณลุ่มแม่น้ำตะกั่วป่า จากอำเภอกะปง  อำเภอตะกั่วป่า  จนกระทั่งถึงปากแม่น้ำตะกั่วป่า  เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์มาก่อนแล้ว  โดยปรากฎหลักฐานร่องรอยของมนุษย์สมัยหินใหม่เข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณเชิงเขา  และลุ่มแม่น้ำที่น้ำท่วมไม่ถึง  หลักฐานที่พบส่วนใหญ่เป็นขวานหินชนิดต่าง ๆ ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือในการสับ ตัด  ล่าสัตว์  พบหินทุบเปลือกไม้เพื่อทำผ้า  แต่ไม่ปรากฏว่าพบภาชนะดินเผาในบริเวณอำเภอตะกั่วป่าเลย   บริเวณที่พบเครื่องมือ  เครื่องใช้เหล่านี้ได้แก่
–	บริเวณเชิงเขาบางเตา  บ้านต้นส้มนาว  บ้านพรุเตียว  บ้านสะพานพระ  ตำบลบางนายสี
–	บริเวณบ้านน้ำเค็ม   แหลมป้อม  บ้านบางหลุด  ตำบลบางม่วง
–	บริเวณเชิงเขาบ้านตำตัว  มุดชัน  ตำบลตำตัว
–	บริเวณเชิงเขาม้าหมัง  บ้านในปิ  ตำบลบางไทร
–	บริเวณบ้านช้างเชื่อ  ตำบลช้างเชื่อ  อำเภอกะปง
–	บริเวณบ้านควนถ้ำ  บ้านทับกำ  ตำบลบางนายสี
–	น่าจะพบในบริเวณอื่น ๆ อีก  แต่ผู้เขียนยังไม่พบหลักฐาน
จากหลักฐานดังกล่าวข้างต้น  จึงพอสรุปได้ว่า  มีมนุษย์สมัยหินใหม่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อนแล้วไม่ต่ำกว่า  5,000  ปี
ในสมัยโลหะ  ซึ่งเป็นสมัยที่มนุษย์เริ่มตั้งหลักแหล่งถาวร  อยู่กันเป็นชุมชน  รู้จักการเพาะปลูก  ยังไม่พบร่องรอยและหลักฐานใด ๆ ที่บ่งบอกว่า  มนุษย์สมัยโลหะได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้   ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการตั้งถิ่นฐานดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
อย่างไรก็ตามคงจะมีพวกกลุ่มชนเชื้อชาติ  Negreto   แบ่งได้เป็น  2  กลุ่มใหญ่  ๆ  ที่อพยพเข้ามาในบริเวณตะกั่วป่า      โดยกลุ่มหนึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในบริเวณที่สูงตามป่าเขา  แต่พวกนี้เร่ร่อน ไม่อยู่เป็นหลักแหล่งและมีจำนวนน้อย  ปัจจุบันชนกลุ่มนี้ได้อพยพเข้าป่าลึกลงไปทางตอนใต้แถวจังหวัดตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส   พวกนี้เรียกว่า เซมัง  (Semang)  และซาไก (SaKai)      และอีกกลุ่มหนึ่ง  เป็นชนชาติมอญ  จากพะโค  อพยพเข้ามาอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและเกาะต่าง ๆ  คนกลุ่มนี้เรียกว่า  เซลัง  (Selang)  หรือ (Salon)   พวกนี้มีความชำนาญในการดำน้ำและเรื่องทะเล  จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าชาวน้ำ   (C’hau Num)  อาจรวมถึงพวก  มอเกล็น (Moklen)  บรรพบุรุษของชาวเลในอำเภอท้ายเหมือง และอำเภอตะกั่วป่า และพวก มอเก็น  (Moken)  บรรพบุรุษของชาวเลในหมู่เกาะสุรินทร์  ปัจจุบันนี้