เขาพระนารายณ์เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ  ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำตะกั่วป่า ตรงบริเวณคลองกะปงบรรจบกับแม่น้ำตะกั่วป่า  ทางทิศตะวันออกของคลองกะปง ฝั่งตรงกันข้ามกับแหล่งโบราณคดีที่พระนารายณ์ เป็นทางน้ำสามแพร่งขนาดใหญ่      ปัจจุบันเป็นเขตพื้นที่การปกครองหมู่ที่   ตำบลเหล  อำเภอกะปง  จังหวัดพังงา       พื้นที่ส่วนหนึ่งชาวบ้านได้บุกรุกเพื่อทำการเกษตร  คงเหลือเป็นพื้นอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรประมาณ  30  ไร่

 


        เขาพระนารายณ์เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ  ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำตะกั่วป่า ตรงบริเวณคลองกะปงบรรจบกับแม่น้ำตะกั่วป่า  ทางทิศตะวันออกของคลองกะปง ฝั่งตรงกันข้ามกับแหล่งโบราณคดีที่พระนารายณ์ เป็นทางน้ำสามแพร่งขนาดใหญ่      ปัจจุบันเป็นเขตพื้นที่การปกครองหมู่ที่   ตำบลเหล  อำเภอกะปง  จังหวัดพังงา       พื้นที่ส่วนหนึ่งชาวบ้านได้บุกรุกเพื่อทำการเกษตร  คงเหลือเป็นพื้นอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรประมาณ  30  ไร่



 



        จากการสำรวจของกองโบราณคดีในปี 2525  2528 พบเศษภาชนะดินเผาเคลือบ เนื้อแกร่ง  ประติมากรรมในพระพุทธศาสนา เช่น พระพิมพ์  รวมทั้งซากสถาปัตยกรรมโบราณที่คงเหลือแต่ซากอิฐ ทั้งหมดอยู่ในสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ ถึงสมัยประวัติศาสตร์    แหล่งโบราณคดีเขาพระนารายณ์แห่งนี้  เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์คือพระนารายณ์และเทพบริวาร 2 องค์ รวมทั้งศิลาจารึกเขาพระนารายณ์         (จารึกหลักที่  26 )         


        มีเรื่องเล่ากันมาว่า  ในปี พ.ศ. 2328   สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งสงครามเก้าทัพ  ทัพของพม่าส่วนหนึ่งได้ยกมาตีได้เมืองตะกั่วป่า  และไล่ติดตามผู้คนที่อพยพหนีภัยขึ้นไปตามลำแม่น้ำตะกั่วป่า จนได้พบเทวรูปพระนารายณ์และเทพบริวารทั้ง 2 องค์บนเขาพระนารายณ์ จึงได้ขนย้ายเทวรูปทั้ง 3 องค์ลงเรือเพื่อจะนำกลับไปเมืองพม่า   แต่เกิดเหตุอัศจรรย์มีพายุฟ้าคะนอง   ฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก  พวกพม่าเห็นเป็นเรื่องผิดปกติและเกรงกลัวในความศักดิ์สิทธ์  จึงทิ้งเทวรูปทั้ง 3 องค์ พิงต้นตะแบกไว้ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับเขาพระนารายณ์  (ทางทิศเหนือของเขาพระนารายณ์)   ฝนฟ้าจึงหยุด  พม่าก็ถอยทัพกลับได้    ส่วนศิลาจารึกนั้นยังคงอยู่บนเขาพระนารายณ์โดยไม่มีใครสนใจ     จนกระทั่งในปี  2445  H.W. Bourke  เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาในกรมราชโลหะกิจของไทย (กรมทรัพยากรธรณี)   ได้ขึ้นไปพบจึงรายงานให้พระสารศาสตร์พลขันธ์ (G.E.Gerini) ทราบ ท่านจึงได้ตีพิมพ์เรื่องราวของศิลาจารึกนี้ในจดหมายเหตุของสโมสรรอแยลเอเชียติก เป็นการเปิดเผยให้นักปราชญ์ทางโบราณคดีทั่วโลกได้รับทราบเป็นครั้งแรก  ต่อมาได้มีผู้นำไปเก็บรักษาไว้ที่วัดหน้าเมือง (วัดประทุมคงคา)  ชุมชนตลาดเก่า เขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า   จังหวัดพังงา  อยู่ระยะหนึ่ง  แล้วจึงนำกลับไปรวมไว้กับเทวรูปทั้ง   องค์




 


       บนยอดเนินเขาพระนารายณ์พบแท่นฐานอิฐซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปทั้ง  3 องค์  เป็นแนวฐานอิฐขนาดกว้าง  5.00 เมตร  ยาว  5.20  เมตร  สันนิษฐานว่าส่วนบนของฐานอิฐเป็นสถาปัตยกรรมซึ่งเป็นไม้  จึงผุผังไป


              การเข้าถึงแหล่งโบราณคดีเขาพระนารายณ์  เริ่มเดินทางจากอำเภอตะกั่วป่าไปตามถนนสาย  401   ตะกั่วป่า –สุราษฎร์ธานี  ประมาณ  17  กิโลเมตร  ระหว่างกิโลเมตรที่   132  133  เลี้ยวขวาเข้าถนนลูกรังประมาณ  50 เมตร   ถึงแหล่งโบราณคดีที่พระนารายณ์  ชายฝั่งแม่น้ำตะกั่วป่า   ข้ามแม่น้ำตะกั่วป่ากว้างประมาณ  20 เมตร  (ปัจจุบันตื้นเขินมาก หน้าแล้งสามารถเดินข้ามไปได้)   จะถึงแหล่งโบราณคดีเขาพระนารายณ์


          จากการขุดแต่งโบราณสถานบนเขาพระนารายณ์ ในความรับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่  15  ภูเก็ต    โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสภาวัฒนธรรมจังหวัดพังงา  ได้พบหลักฐานหลายอย่างที่น่าสนใจ